The Kailasa Temple แนะนำวิหารพระศิวะ หนึ่งในปริศนาของโลก ที่ยังหาคำตอบไม่ได้
The Kailasa Temple วิหาร 1300 ปี ที่แกะสลักจาก ก้อนหินเพียงก้อนเดียว วิหารไกรลาศ The Kailasa temple หรือที่รู้จักกัน อีกชื่อว่าวิหารพระศิวะ หนึ่งในปริศนาของโลก ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าจริงๆแล้ววิหารแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร
The Kailasa Temple วิหาร 1300 ปี ที่แกะสลักจาก ก้อนหินเพียงก้อนเดียว วิหารไกรลาศ
เพราะด้วยกลไก ทางวิศวกรรมบางอย่าง บ่งชัดได้ว่า มนุษย์ในยุคนั้น ไม่มีทางที่จะ สร้างสถาปัตยกรรม ลักษณะนี้ได้เลย Pallava art วิหารไกรลาศ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ถ้ำเอลโลรา เมืองอรัญกระบัตร ประเทศอินเดีย จากการตรวจสอบพบว่า วิหารแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 1,300 ปีที่เเล้ว
จากเรื่องเล่าตามตำนาน ได้ระบุไว้ว่า กษัตริย์ชิชนะ ผู้ปกครองจักรวรรดิ ที่ถือเป็นมหาอำนาจ ครองอินเดีย ทางตอนใต้ในยุคนั้น ได้เป็นผู้ก่อสร้าง วิหารแห่งนี้ขึ้นมา เนื่องจากพระมเหสี ได้เกิดอาการ ล้มป่วยจากโลก ที่ไม่อาจรักษาได้ พระองค์จึงอธิษฐาน จิตต่อพระศิวะ
ว่าจะสร้างวิหารถวายให้ ถามพนักงานหายดีเป็นปกติ ในที่สุดอาการป่วย ของพระนางก็ทุเลาลง และหายขาดจากโรคดังกล่าว พระองค์จึงได้สร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น จากการตรวจสอบพบว่า วิหารไกรลาสได้ใช้เวลาในการสร้างทั้งสิ้น 18 ปี จึงสร้างแล้วเสร็จ มีความสูงของตัววิหาร 2.9 เมตร
และความยาวที่ 60.29 เมตร เต็มไปด้วยช่องทางรับใต้ดิน ลึกลงไป 40-50 ฟุต The nagara tradition บางจุดมีความยาวกว่า 10 เมตร ซึ่งเส้นทางดังกล่าว มีขนาดเล็กเกินกว่า มือของมนุษย์ จะแทรกเข้าไปได้ คำถามคือ สมัยเมื่อ 1,300 ปีที่แล้ว มีอุปกรณ์ชนิดไหนกัน ที่สามารถขุดเจาะ เส้นทางในลักษณะนี้ได้
สร้างจากการแกะสลัก จากก้อนหินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียว มีน้ำหนักโดยรวม มากกว่า 4 แสนตัน
ซึ่งนี่ไม่ใช่ เหตุผลเพียงอย่างเดียว ที่ทำให้วิหารแห่งนี้ มีชื่อเสียงและถูกพูดถึง แต่เป็นเพราะวิหารดังกล่าว สร้างจากการแกะสลัก จากก้อนหินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า หินก้อนนี้น่าจะ มีน้ำหนักโดยรวม มากกว่า 4 แสนตัน
นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ เพราะโดยปกติแล้ว สถาปัตยกรรมลักษณะนี้ Khajuraho จะแกะสลักจากด้านนอก เข้าไปด้านใน แต่วิหารไกรลาศ กลับก่อสร้างโดยการ แกะสลักจากด้านบนไปด้านล่าง เนื่องจากอุปกรณ์ ของช่างในยุคนั้น มีเพียงแค่ค้อนสลิ่มและสิ่ว
การก่อสร้างจึง เต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่วิหารแห่งนี้กลับใช้เวลาก่อสร้างสำเร็จ ในระยะเวลาเพียง 18 ปีเท่านั้น จากการทดลองที่ตั้งสมมติฐานว่า หากต้องขนซากหินในการแกะสลักของทุกๆวัน วันละ 12 ชั่วโมง โดยประเมินจากคนงานที่น่าจะเหมาะสม กับพื้นที่คือ 1000 ถึง 2000 คน
กลับปรากฏว่า ด้วยระยะเวลา 18 ปี จะไม่สามารถขนหินออกจากพื้นที่ได้หมด Angkor Wat นี่ยังไม่นับรวมเวลาที่จะต้องแกะสลักหินอย่างละเอียดอ่อน ที่แม้แต่ช่างในยุคปัจจุบัน มีเครื่องมือที่ทันสมัย อาจจะต้องใช้เวลาในการแกะสลัก มากกว่า 5-10 ปี นอกจากนี้บริเวณกว่า 100กิโลเมตร
The Kailasa Temple แนะนำวิหารพระศิวะ วิหารแห่งนี้ ก่อสร้างเสร็จในเวลา 18 ปี
ตลอดรัศมีของตัววิหาร กลับไม่พบเศษซากจากการแกะสลักดังกล่าวเลย คำถามก็คือวิหารแห่งนี้ ก่อสร้างเสร็จในเวลา 18 ปีได้อย่างไร และซากหินจากการแกะสลักนั้น หายไปไหน จากข้อมูลดังกล่าว ผู้มีความเชื่อทางศาสนาชี้แจงว่า ปรากฏการณ์นี้สามารถอธิบาย
ได้ตามความเชื่อของพระมหาคัมภีร์ภารตะ และคัมภีร์พระเวท ที่ได้ระบุไว้ว่า มีอาวุธชนิดหนึ่งของพระพรหม ที่สามารถขุดเจาะลงไปในดิน และมีพลังที่ทำให้หิน แหลกสลายหายไปได้ในอากาศ ซึ่งถ้าหากอาวุธชนิดนี้มีอยู่จริง นี่น่าจะมีคำเฉลยว่า วิหารไกรลาศสร้างขึ้นมาได้อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิหารแห่งนี้ ราว 1000 ปีที่วิหารไกรลาสได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ สมัยนั้นอินเดียถูกปกครองโดยจักรพรรดิ ออลังเซฟ แห่งราชวงศ์โมกุล ได้มีคำสั่งให้ทำลายวิหารไกรลาศ เนื่องจากพระองค์ เป็นชาวมุสลิมที่เคร่งครัดเป็นอย่างมาก
จึงไม่ต้องการให้มีรูปสักการะ ของศาสนาอื่น ปรากฏอยู่ในดินแดนของตน หลังจากที่ใช้กำลังคนกว่า 1000 คน ปลุกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ และการทำลายด้วยดินระเบิด เป็นระยะเวลานานถึง 3 ปี วิหารไกรลาศก็ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย จักรพรรดิคออลังเซฟ จึงได้ยุติการทำลายวิหารแห่งนี้ The 5 most mysterious temples
เนื่องจากสิ้นเปลืองงบประมาณ และดูไม่มีท่าทีว่ามันจะพังทลายลงมาได้เลย เมื่อพิจารณาดูจากปัจจัยโดยรอบ ทำเอลโลร่า ยังมีสถาปัตยกรรมของศาสนาอื่นๆ อีก 31 แห่ง Indian architecture ประกอบไปด้วย สถาปัตยกรรมของศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู Ravana และศาสนาไซนะ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า
อาจจะมีกระแสรับสั่งจากจักรพรรดิออรังเซฟ ให้ทำลายทิ้งด้วยเช่นกัน แต่การที่สถาปัตยกรรมทั้งหมด รอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน งั้นก็แปลว่า หินบริเวณนั้นอาจจะแข็งเกินกว่าที่จะทำรายได้ และจากที่ลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่า การทำลายสถาปัตยกรรมเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นกับพีระมิดที่กีซ่า
ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ ธีรวิทย์เหล่านั้น รอดพ้นจากการถูกทำลาย และได้รับความ เสียหายเพียงเล็กน้อย นี่ถือเป็นเรื่องย้อนแย้งอย่างหนึ่ง ของหลักความเป็นจริง เพราะโดยธรรมชาติแล้ว การทำลายมักง่ายกว่าการสร้างขึ้นมาเสมอ อีกเรื่องที่น่าแปลกเกี่ยวกับวิหารไกรลาศ นั่นคือวิหารแห่งนี้ หากมองลงมาจากดาวเทียม
จะเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสมมาตร ทอดยาวเป็นเส้นตรง กับทิศแผนที่ และตรงใจกลางดาดฟ้าของวิหาร มีรูปแกะสลักสิงโตจำนวน 4 ตัว ที่เรียงกันเป็นรูปกากบาท เรากลับว่าวิหารไกรลาศ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะบอกพิกัดอะไรบางอย่างบนพื้นดิน ซึ่งเงื่อนไขบนข้างต้น จำเป็นต้องมองวิหารแห่งนี้ลงมาจากฟ้าเท่านั้น
วิหารไกรลาศ คือสันนิษฐาน ผลงานชิ้นโบว์แดง จากผู้มาเยือนจากนอกโลก
นี่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ หรือเป็นเจตนาที่แท้จริงของการสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นมา แต่แรก เกิดเป็นสมมุติฐานของผู้ที่คลั่งไคล้ และมีความเชื่อเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่สถาปัตยกรรมแห่งนี้ อาจได้รับความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีต่างดาว ซึ่งถ้าหากว่าเชื่อเช่นนี้แล้ว
คงยากที่จะอธิบายว่า วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า แท้ที่จริงแล้วพระพรหม ที่มนุษย์ตั้งสมญานามว่าพระเจ้า อาจคือมนุษย์ต่างดาวทรงปัญญา ที่ใช้เทคโนโลยี ก้าวล้ำทันสมัย เป็นเทพผู้มาจากฟ้า มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ทั้งปวง กล่าวคือมนุษย์ต่างดาวในอดีต
ถูกมนุษย์ตีความว่าเป็นพระเจ้านั่นเอง จึงสรุปได้ว่า วิหารไกรลาศคือผลงานชิ้นโบว์แดง จากผู้มาเยือนจากนอกโลก แม้การสันนิษฐาน จะเป็นการสันนิษฐานที่น่าสนใจ แต่อย่าได้สบประมาทผู้คนในยุคก่อน เพราะหากศึกษาประวัติศาสตร์อย่างละเอียดจะพบว่า มนุษย์ในยุคโบราณ
สร้างผลงานอันชาญฉลาด ที่ทำให้โลกต้องตะลึงมาแล้วมากมาย ไม่แน่ว่าพวกเขา อาจจะใช้เทคนิคกลไกอะไรบางอย่าง ที่มนุษย์ยุคใหม่อย่างเราๆ คาดไม่ถึงก็เป็นได้ ซึ่งไม่ว่าวิหารแห่งนี้ จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีใดก็ตาม คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ คิดว่า 4 แสนตันนั้น
หายไปได้อย่างไร ถึงตั้งสมมติฐานขึ้นมา 1 ข้อ ซึ่งเนื้อหาดังต่อไปนี้ ไม่ได้มีในตำราไหนทั้งสิ้น โดยคาดเดาว่า ที่ไม่เหลือร่องรอยหินกว่า 4 แสนตันอยู่นั้น น่าจะเกิดจากการทยอยนำหิน ที่เป็นเศษซากของการแกะสลัก ทิ้งลงแม่น้ำบริเวณใกล้เคียงทีละน้อย ซึ่งแม่น้ำดังกล่าว
อยู่ห่างจากวิหารไกรลาศออกไปเพียง 600 เมตรเท่านั้น จากที่ตรวจสอบอายุของแม่น้ำสายนี้ ก็พบว่ามันเป็นแม่น้ำสายเก่า ที่อยู่คู่กับชาวอินเดีย มานานมากแล้ว ซึ่งถ้าสมมติฐานเป็นจริง เศษหิน 4 แสนตันที่ทิ้งลงแม่น้ำแต่ละวัน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 18 ปี กระแสน้ำก็น่า จะพัดเอาหินเหล่านี้ กระจายไปทั่วเพราะแม่น้ำสายดังกล่าว เชื่อมต่อกับแม่น้ำอีกหลายสาย ในประเทศอินเดีย
Miss M