แบรนด์ผมปลอม ที่เริ่มต้นด้วยเงินทุนไม่มาก แต่สร้างยอดขายได้มหาศาล
แบรนด์ผมปลอม Glam Seamless ที่เริ่มต้นจากเงินหลักหมื่น สู่ยอดขาย 600 ล้านผู้หญิงส่วนใหญ่ เมื่อจะไปออกงานหรืออยากทำผมให้สวย ๆ ก็มักจะกังวลและมีคำถามที่ว่า จะต้องทำผมทรงอะไรดี ถ้าหากเป็นคนผมน้อย ผมบางอีกด้วย อาจจะเป็นปัญหาที่หนักอกหนักใจ จนในที่สุดต้องเดินไปเข้าร้านเสริมสวย
ซึ่งกว่าจะทำผมเสร็จ บางครั้งก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการทำผม แต่ละครั้งก็มีราคาแพง ถ้าหากจะต้องเข้าร้านทำผมทุกครั้ง ก็คงจะหมดเงินในกระเป๋าในแต่ละเดือนไม่น้อย นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดเป็นแบรนด์ต่อผมปลอมสำเร็จรูป Glam Seamless ขึ้นมา
โดยแบรนด์นี้ได้ใช้เงินลงทุนเพียง 33,000 บาท แต่กอบโกยเงินได้ถึง 660 ล้านบาท วิกผมแท้ แบรนด์ Glam Seamless ก่อตั้งโดยคุณ Alexandra Cristin ที่เติบโตในครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว และมีฐานะไม่ค่อยดี ในบางครั้งไม่มีเงินเพียงพอ สำหรับใช้ดำรงชีวิตในแต่ละวันด้วยซ้ำ
เธอมีโอกาสได้รับทุนการศึกษาจาก Milton Hershey ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำที่ให้การอุปถัมภ์เด็กกำพร้า และเด็กยากไร้ให้มีการศึกษา จึงทำให้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้โดยคุณ Alexandra ได้เลือกเรียนด้านธุรกิจ ที่ Pace University อยู่ที่เมืองนิวยอร์กซึ่งในตอนยังเรียนมหาวิทยาลัย
เธอได้มองเห็นชีวิตของเพื่อน ๆ ในคณะ ที่ทางบ้านค่อนข้างจะมีฐานะ สามารถใช้ชีวิตไล่ตามความฝัน เป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเองได้ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่ใช่ทุกคน
ที่สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ผมปลอมชาย เนื่องจากบางคนเกิดมาในครอบครัวที่ดี มีฐานะ ถึงจะทำธุรกิจแล้วไม่รอด ก็เรียกได้ว่าเป็นการล้มบนฟูก เพราะนั่นจะไม่เจ็บมากเท่าไร สามารถที่จะลุกขึ้นปัดฝุ่นแล้วเดินหน้าต่อไปได้อีก
แต่สำหรับเธอเรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเธอเกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีฐานะเพียงเงินที่จะใช้ชีวิต ก็ยังจะไม่พอแล้ว หากเอาเงินมาทำธุรกิจได้ คงต้องระมัดระวังมาก เพราะว่าอาจจะไม่มีครั้งที่ 2 อีกแล้วเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ เธอได้คิดว่าหากเธอเป็นเจ้าของธุรกิจบ้าง เธอจะต้องทำในสิ่งที่ไม่เหมือนใครที่สำคัญการที่เธอ ไม่มีเงินสนับสนุนจากครอบครัว นั่นทำให้เธอต้องอดทนสู้ให้มากกว่าคนอื่น เมื่อตัดสินใจและมีพลังมุ่งมั่นเพียงพอแล้ว เส้นทางธุรกิจของเธอจึงได้เกิดขึ้น
เกิดจากการมองเห็นปัญหา ของการต่อผมที่ราคาแพง และอยากจะตอบโจทย์ช่างทำผม
ซึ่งธุรกิจของคุณ Alexandra ตั้งตั้นมาจากสมัยที่เธอ รับจ้างเป็นนางแบบตั้งแต่อายุ 18 ปี และได้รู้จักกับ “การต่อผม” แต่เธอก็เห็นว่า ช่างทำผมทุกคนที่เธอเคยคุยด้วย ต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน นั่นคือสีผมของนางแบบ ซึ่งการต่อผมให้สวย สิ่งสำคัญคือหาผมปลอม ที่มีสีผมคล้ายกับสีผมของนางแบบให้ได้มากที่สุด วิกผมเหมือนจริง ในความเป็นจริงคือเรื่องยากที่นางแบบ 100 คน สีผมต่างกัน 100 สี
และในทางความเป็นจริง ก็ไม่ง่ายที่จะเดินเข้าไปในร้าน เลือกซื้อผมมาแล้วได้สี ที่เข้ากันเป๊ะกับผมของนางแบบเลย โดยมีการจับเอาสีนู้นมาผสมสีนี้ เพื่อจะได้สีที่คล้ายคลึงที่สุดหรือในบางครั้ง ช่างทำผมต้องวิ่งหาตัวแทนขายผมปลอม สั่งซื้อทางโทรศัพท์ และรอสองถึงสามวัน เพื่อสั่งซื้อผมปลอมมาใช้ในงาน
ซึ่งในการทำงานแบบนี้จะ ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น ได้กลายมาเป็นต้นทุนทางธุรกิจ นอกจากปัญหาของช่างผมแล้ว ในขณะที่คุณ Alexandra กำลังนั่งอยู่ในร้านทำผมแห่งหนึ่งที่นิวยอร์ก ได้มองไปเห็นผู้หญิงข้าง ๆ ที่กำลังต่อผมอยู่ เธอรู้สึกทึ่งกับความเป็นธรรมชาติ และความสวยที่ออกมาดูดี ช่างทำผมทำได้เนียนสุด ๆ
เธอจึงสนใจ วิกผมแท้ผู้หญิง และอยากที่จะต่อผมแบบนั้นบ้าง แต่พอได้ทราบราคาจากทางร้าน ในการต่อผมแบบนี้ คุณ Alexandra กลับต้องตกใจมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจากปัญหาที่เธอได้เรียนรู้มาจากวงการช่างทำผม และการต่อผมที่มีราคาสูง ทำให้เธอเริ่มคิดได้ว่า เธอจะทำแบรนด์ผมปลอมคุณภาพดี ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงได้จึงเกิดเป็นแบรนด์ Glam Seamless ขึ้นมาในปี 2012 และใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 33,000 บาท
ซึ่งเรียกได้ว่าคุณ Alexandra คิดถึงความต้องการของตลาดได้แม่นยำ เนื่องจากในปีแรกที่เปิดตัว ผมปลอมผู้หญิง ทางแบรนด์ได้จำหน่ายสินค้าได้มากกว่า 100,000 ชิ้น ในเวลาต่อมาธุรกิจของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว เธอได้คิดว่าหากเปิดร้านในนิวยอร์ก ก็น่าจะช่วยสร้างยอดขายที่ดี แต่ความจริงกลับตรงข้าม เพราะในบางเดือนสินค้าที่ร้าน แทบจะไม่มียอดขายให้เธอได้เลย
และนั่นถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่คุณ Alexandra ได้พูดถึงไว้ว่าเธอจะไม่คิดทำแบบนั้นอีกถึงแม้ว่าครั้งนั้น จะเป็นการคิดที่จะเพิ่มยอดขายที่ผิดพลาดไปนิดนึง
แต่นั่นก็ทำให้เธอได้รู้ถึงการขยายอีกช่องทาง นั่นคือช่องทางออนไลน์ซึ่งช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางที่ทำรายได้ให้เธอมาก อีกทั้งคู่แข่งในนั้นก็ยังน้อยอยู่
การโฆษณาแบรนด์ Glam Seamless โดยขายผ่านทางช่องทางออนไลน์ ได้กระแสตอบรับ จากลูกค้าอย่างล้นหลาม
เธอจึงหันมาให้ความสำคัญทางออนไลน์ เป็นหลักหลังจากนั้น 3 ปี Glam Seamless ก็สามารถทำรายได้ถึง 68 ล้านบาทและในปี 2020 ต่อมาธุรกิจได้ถูกซื้อไปโดย Beauty Industry Group รวมถึงกวาดรายได้ไปกว่า 660 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
สิ่งสำคัญคือการนำความรู้ที่มีอยู่ มาต่อยอดให้ไม่เหมือนใคร สิ่งที่น่าสนใจว่าแบรนด์นี้เกิดมาจาก Pain Point ของคนที่อยากจะต่อผมปลอม ในราคาที่เอื้อมถึงได้ โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว แบรนด์ผมปลอมสำเร็จรูปนั้น ได้มีหลายแบรนด์ออกมาทำก่อนแล้ว
ดังนั้นทางคุณ Alexandra จึงอยากให้แบรนด์ของเธอ ได้ออกมาให้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเพราะหากไปซ้ำกับแบรนด์อื่นที่มีในท้องตลาดอยู่แล้ว แบรนด์ของเธอคงไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ นอกจากนี้เธอได้รู้ว่าลู่ทางที่มีอยู่ในตลาด คือไม่ใช่แค่ผู้คนทั่วไป ที่มีความต้องการผมปลอมคุณภาพผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น
แต่ยังมีนักออกแบบและช่างทำผมในร้านเสริมสวย ที่ต้องการหาผมปลอมให้กับลูกค้าในราคาที่ไม่สูงเกินไป เธอจึงเอากลยุทธ์นี้ในการทำ Glam Seamless โดยการสร้างเป้าหมายในการขายผมปลอมคุณภาพสูงในราคาย่อมเยาทางออนไลน์ วิกผมเกาหลี รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ปัญหาผม ของสาว ๆ แต่ละคนให้ได้มากที่สุด
เช่น มีผมให้เลือกกว่า 100 สี ในความยาว ขนาดของเส้นผม และลักษณะที่หลากหลาย ไปจนถึงวิธีการต่อผมปลอม ก็มีให้เลือกทั้งแบบแผ่นแปะ หรือเชือกผูก ทำให้แบรนด์มีผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจผู้คนมากที่สุด อีกอย่างก็คือการใช้สื่อออนไลน์เพื่อสร้างยอดขาย
เนื่องจากเธอมีเงินในการลงทุนนี้ เพียงหลักหมื่นบาท แบรนด์จึงไม่มีเงินมากพอไปจ้างบริษัทโฆษณา หรือ ดาราคนมีชื่อเสียง มาเป็นผู้ทำการตลาดได้ เธอจึงต้องหาเครื่องมือและช่องทางที่ประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อทำการตลาดให้กับแบรนด์ให้ได้ และเครื่องมือนั้น ก็คือโซเชียลมีเดียนั่นเอง
คุณ Alexandra ได้กล่าวว่า YouTube และ Instagram เป็นสองแพลตฟอร์ม ที่มีส่วนช่วยในความสำเร็จของแบรนด์ได้มาก เพราะเธอได้สร้างยอดขาย Glam Seamless โดยจะให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์เช่น หากลูกค้าอยากที่จะทราบอะไรก็ตาม ตั้งแต่การดูการต่อผมที่ถูกต้อง ไปจนถึงวิธีการต่อผม ทางแบรนด์ Glam Seamless ก็จะสร้างคอนเทนต์ให้คำตอบในวิดีโอ บนช่องทางโซเชียลมีเดีย
เรื่องนี้ทำให้ลูกค้าของแบรนด์ เห็นว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับการตอบคำถาม หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าได้ดี ไม่ใช่เพียงการจำหน่ายสินค้าให้จบ ๆ ไปเท่านั้นและอีกสิ่งก็คือการรักในสิ่งที่ทำ เพราะเครื่องมือที่ไม่มีค่าใช้จ่ายและดีที่สุด ในฐานะเจ้าของธุรกิจคือตัวเจ้าของเอง
หากว่าเรารักในสิ่งที่เราทำ เราก็จะยินดีในการทำงานหนัก โดยไม่แคร์ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน เพื่อบรรลุเป้าหมายและความฝันเหล่านั้น ไปถึงความสำเร็จให้ได้ เธอผู้สร้างแบรนด์นี้จึงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ เพราะไม่ว่าชีวิตของเธอจะไม่ได้ร่ำรวย วิกผมยาวเหมือนจริง แต่ถ้าเรามีความฝันและมุ่งมั่นที่จะทำ เห็นช่องว่างหรือปัญหาต่าง ๆ นำมาต่อยอดเป็นธุรกิจพวกนี้อาจจะช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เหมือนที่คุณ Alexandra ได้ต่อสู้ออกจากความยากจน อีกทั้งกลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์ ที่มียอดขายหลายร้อยล้านจนถึงปัจจุบันนี้
เรียบเรียงโดย อลิส