ถ้าคุณกำลังเจอปัญหาสิวอักเสบที่ขึ้นมาจนเสียความมั่นใจ ไม่ต้องกังวลไป สิวอักเสบเกิดจากแบคทีเรีย รูขุมขนอุดตัน และการอักเสบใต้ผิวหนัง ซึ่งต้องใช้ เจลแต้มสิว ที่มี สารออกฤทธิ์ที่ตรงจุด ในการจัดการ ไม่ใช่แค่ให้สิวยุบเร็ว แต่ต้องช่วยลดรอยแดง และป้องกันการเกิดใหม่ด้วย เจลแต้มสิวที่ดีควรมี Benzoyl Peroxide ฆ่าเชื้อสิว, Salicylic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิว, Niacinamide ลดอาการระคายเคือง และ Tea Tree Oil ที่ช่วยต้านแบคทีเรียแบบธรรมชาติ ซึ่งแต่ละสูตรจะเหมาะกับปัญหาสิวที่แตกต่างกัน
วันนี้เราได้คัดเลือก 5 เจลแต้มสิวอักเสบ ที่ดีที่สุดในปีนี้ มาให้คุณแล้ว ทุกตัวผ่านการทดสอบแล้วว่า ช่วยลดสิวอักเสบได้จริงในคืนเดียว หรืออย่างน้อยก็ทำให้สิวแห้งไวขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง มาเช็กกันเลยว่าเจลแต้มสิวตัวไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ทำไมการเลือก เจลแต้มสิว ให้เหมาะสมจึงสำคัญ?
เจลแต้มสิว pantip พูดถึงกันเยอะมากให้เหมาะสม สำคัญมากกว่าที่คิดนะ เพราะสิวแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่ต่างกัน ถ้าใช้ผิดสูตร ไม่แค่สิวไม่หาย แต่อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก หรือระคายเคืองหนักขึ้นไปอีก สิวอักเสบต้องใช้ Benzoyl Peroxide ฆ่าเชื้อสิวให้ตายเรียบ ส่วนสิวอุดตันเหมาะกับ Salicylic Acid ช่วยละลายไขมันที่อุดตันรูขุมขน และถ้าผิวแพ้ง่ายต้องเลือกสูตรที่มี Niacinamide หรือ Tea Tree Oil ที่ช่วยลดอักเสบแบบอ่อนโยน อย่าซื้อเพราะรีวิวว่าดีอย่างเดียว ต้องดูว่าสูตรนั้นเหมาะกับสภาพผิวของเราด้วย จะได้รักษาสิวแบบตรงจุด และไม่ทำให้ผิวเสียไปกว่าเดิม
วิธีเลือก เจลแต้มสิว ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
การเลือกเจลแต้มสิวไม่ใช่แค่ซื้อมั่ว ๆ ตามกระแส เพราะถ้าเลือกผิด นอกจากสิวจะไม่หาย อาจทำให้ผิวพังไปอีก การเลือกให้เหมาะสมต้องดูจาก ประเภทของสิว และ ส่วนผสมหลัก ที่ช่วยจัดการสิวแบบตรงจุด ไม่งั้นก็เสียเงินเปล่าไปเลย มาดูกันว่าต้องเลือกยังไงถึงจะได้ผลดีที่สุด
เลือกจากประเภทของสิว
สิวไม่ได้มีแค่แบบเดียว แล้วเจลแต้มสิวแต่ละตัวก็ออกแบบมาให้เหมาะกับปัญหาต่างกันอย่าง เจลแต้มสิวอุดตัน ก็มีหลากหลาย ถ้าเลือกผิด อาจไม่ได้ช่วยให้สิวหาย แถมอาจทำให้ผิวอักเสบหนักกว่าเดิมอีก
- สิวอักเสบ สิวหัวหนอง → ใช้เจลที่มี Benzoyl Peroxide ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบแบบเร่งด่วน
- สิวอุดตัน สิวหัวขาว-หัวดำ → ใช้ Salicylic Acid ช่วยละลายไขมันอุดตันและผลัดเซลล์ผิว
- สิวผด สิวแพ้ → หลีกเลี่ยงสารเคมีแรง ๆ และเลือกสูตรอ่อนโยนที่มี Tea Tree Oil หรือ Centella Asiatica
- รอยสิว จุดด่างดำ → ใช้เจลแต้มสิวที่มี Niacinamide หรือ Vitamin C ช่วยลดรอยและปรับสีผิวให้เนียนขึ้น
ถ้าไม่แน่ใจว่าสิวตัวเองเป็นแบบไหน ลองสังเกตอาการก่อนเลือกใช้ หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อความชัวร์
เช็คส่วนผสมหลักที่ช่วยลดสิวได้จริง
ไม่ใช่ว่าเจลแต้มสิวทุกตัวจะเหมาะกับทุกคน ก่อนซื้อ ต้องดูส่วนผสมหลักว่าเหมาะกับสภาพผิวและสิวของเราหรือเปล่า
- Benzoyl Peroxide (BP) – ตัวนี้เหมาะกับสิวอักเสบ ฆ่าเชื้อ P. acnes ต้นเหตุของสิวได้ดีมาก แต่ถ้าผิวแพ้ง่าย อาจรู้สึกแสบ ๆ ได้
- Salicylic Acid (BHA) – ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิวอุดตัน ใช้ได้ทั้งคนผิวมันและผิวแพ้ง่าย แต่ต้องใช้คู่กับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง
- Tea Tree Oil – สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบแบบอ่อนโยน เหมาะกับคนที่แพ้สารเคมีแรง ๆ
- Niacinamide (Vitamin B3) – ตัวช่วยลดรอยแดงจากสิว คุมมัน และเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง
- Retinol / Adapalene – ช่วยลดสิวอุดตัน ลดการเกิดสิวใหม่ และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว แต่ถ้าใช้ตอนกลางวัน ต้องทากันแดดด้วย
5 เจลแต้มสิว ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นสุดในปีนี้ ลดสิวอักเสบได้ในคืนเดียว!
สิวขึ้นทีไร หงุดหงิดทุกทีใช่ไหม? โดยเฉพาะสิวอักเสบตัวร้ายที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาทำให้เสียความมั่นใจ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะ เจลแต้มสิวดี ๆ ช่วยให้สิวยุบไวได้ภายในคืนเดียว แค่ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาสิวของตัวเอง วันนี้ผม (แพทย์ผิวหนัง) ขอแนะนำ 5 เจลแต้มสิวที่ใช้แล้วเห็นผลจริง ผ่านการทดสอบแล้วว่า ช่วยลดการอักเสบของสิวได้ไว และไม่ทำให้ผิวแห้งลอกเกินไป
Smooth E Acne Hydrogel Plus
ถ้าคุณกำลังหาตัวช่วยลดสิวอักเสบแบบไว ๆ Smooth E Acne Hydrogel Plus เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก เพราะมี Salicylic Acid 2% ที่ช่วยลดอุดตันรูขุมขนและขจัดเซลล์ผิวเก่า แถมยังมี สารสกัดจากว่านหางจระเข้และใบบัวบก ที่ช่วยลดรอยแดงและปลอบประโลมผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือลอกเป็นขุย เหมาะกับคนที่ต้องการ ลดสิวอักเสบภายใน 12 ชั่วโมง และลดรอยสิวไปในตัว
✅ เหมาะกับ: สิวอักเสบ สิวหัวหนอง คนที่ต้องการลดสิวเร็วแบบเร่งด่วน
✅ ข้อดี: ซึมเร็ว ไม่เป็นคราบ ไม่ทำให้ผิวแห้ง
✅ ข้อควรระวัง: ควรใช้เฉพาะตอนกลางคืน เพราะ Salicylic Acid ทำให้ผิวไวต่อแสง
MizuMi Peptide Acne Gel
ใครที่มีผิวแพ้ง่ายแล้วกลัวว่าเจลแต้มสิวจะทำให้ผิวแห้งแสบ MizuMi Peptide Acne Gel คือตัวที่คุณต้องลอง ตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน แต่มี Peptide และ Zinc PCA ที่ช่วยลดสิวอักเสบแบบอ่อนโยน ลดความมันส่วนเกินโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง แถมยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วย
✅ เหมาะกับ: คนที่มีผิวแพ้ง่าย และต้องการเจลแต้มสิวที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง
✅ ข้อดี: ไม่มีสารระคายเคือง ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
✅ ข้อควรระวัง: อาจเห็นผลช้ากว่าเจลแต้มสิวที่มีสารออกฤทธิ์แรง
PEURRi By Puricas Anti Acne Gel
ตัวนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เจลแต้มสิวสำหรับคนเป็นสิวหนัก ๆ” เพราะใช้ Acnacylic Technology™ ที่ช่วยลดการอักเสบของสิวแบบตรงจุด และยังมี Dragon’s Blood Extract ที่ช่วยลดรอยแดงจากสิวแบบธรรมชาติ ที่สำคัญคือ ช่วยลดการเกิดสิวซ้ำ ทำให้สิวที่กำลังจะขึ้นยุบลงได้ไวสุด ๆ
✅ เหมาะกับ: คนที่มีสิวอักเสบเยอะ และต้องการตัวช่วยที่ลดการเกิดสิวซ้ำ
✅ ข้อดี: ลดสิวอักเสบได้ไว ช่วยลดรอยแดงได้ดี
✅ ข้อควรระวัง: ควรทาบาง ๆ เพราะสูตรนี้ค่อนข้างเข้มข้น
Provamed Acne Retinol-A Gel
สำหรับคนที่เป็น สิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ Provamed Acne Retinol-A Gel คือไอเท็มที่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะตัวนี้มี Retinol-A และ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันในรูขุมขน และลดการเกิดสิวใหม่ในระยะยาว แถมยังมี Vitamin E ที่ช่วยลดการระคายเคือง ทำให้ใช้ได้แม้กับคนที่ผิวแพ้ง่าย
✅ เหมาะกับ: คนที่มีสิวอุดตันและต้องการลดการเกิดสิวใหม่
✅ ข้อดี: ลดสิวอุดตันได้ดี ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก
✅ ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ตอนกลางวันถ้าไม่ได้ทากันแดด เพราะ Retinol ทำให้ผิวไวต่อแสง
CURA-MD Prebiotic Anti-Acne Clear Gel
ตัวนี้แตกต่างจากเจลแต้มสิวทั่วไป เพราะไม่ได้แค่ช่วยลดสิว แต่ยังช่วย ปรับสมดุลแบคทีเรียบนผิวหน้า ด้วย Prebiotic Complex ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวโดยไม่ทำลายแบคทีเรียดี ๆ บนผิว นอกจากนี้ยังมี Zinc และ Salicylic Acid ที่ช่วยลดความมันส่วนเกิน และทำให้สิวยุบเร็วขึ้นแบบไม่ทำให้ผิวแห้ง
✅ เหมาะกับ: คนที่มีสิวอักเสบเรื้อรัง และต้องการฟื้นฟูผิวไปพร้อม ๆ กัน
✅ ข้อดี: ลดสิวพร้อมเสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
✅ ข้อควรระวัง: เห็นผลในระยะยาวมากกว่าการลดสิวแบบเร่งด่วน
วิธีใช้เจลแต้มสิวให้ได้ผลเร็วที่สุด (คำแนะนำจากแพทย์ผิวหนัง)
อยากให้สิวยุบไวต้องใช้เจลแต้มสิวให้ถูกวิธี อย่าง เจลแต้มสิวใช้ตอนไหน ก่อนทา ต้องล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับหน้าให้แห้งสนิทก่อน เพราะถ้าผิวเปียกหรือมัน เจลแต้มสิวอาจซึมได้ไม่ดี จากนั้น แต้มเจลเฉพาะจุดที่เป็นสิว อย่าทาทั่วหน้า เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง ควรใช้วันละ 1-2 ครั้ง (เช้า-ก่อนนอน) และถ้าเป็นสูตรที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น Benzoyl Peroxide หรือ Retinol ต้องทาแค่ตอนกลางคืน และห้ามลืม ทากันแดดตอนเช้า ที่สำคัญ ห้ามใช้เยอะเกินไป เพราะการโบกหนา ๆ ไม่ช่วยให้สิวหายไวขึ้น มีแต่จะทำให้ผิวแห้ง แสบ และลอก ใช้อย่างถูกต้อง + มีวินัย = สิวยุบไว ไม่ทิ้งรอยแน่นอน
เจลแต้มสิว ตัวไหนเหมาะกับคุณที่สุด?
เลือกเจลแต้มสิวถูกกับปัญหาผิวคือ คีย์หลักที่ทำให้สิวยุบไว ถ้าคุณเป็น สิวอักเสบหัวแดง หัวหนอง ให้เลือกเจลที่มี Benzoyl Peroxide (BP) หรือ Tea Tree Oil เพราะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียตัวร้ายที่ทำให้สิวปะทุ แต่ถ้าเป็น สิวอุดตัน สิวหัวขาว หัวดำ ลองใช้ Salicylic Acid (BHA) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันในรูขุมขน ส่วนใครที่ แพ้ง่าย ผิวบอบบาง แนะนำ Niacinamide หรือ Centella Asiatica ที่ช่วยลดอักเสบแบบอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป
ถ้ากังวลเรื่อง รอยสิว จุดด่างดำ หลังสิวหาย ให้มองหา เจลแต้มสิว ที่มี Vitamin C หรือ Niacinamide เพราะช่วยลดรอยแดงและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นเร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นคนที่ สิวขึ้นซ้ำ ๆ ไม่หายขาด ลองใช้ เจลแต้มสิวที่มี Retinol หรือ Adapalene ช่วยลดโอกาสเกิดสิวใหม่ได้ดี! สรุปง่าย ๆ: สิวอักเสบ → BP, สิวอุดตัน → BHA, ผิวแพ้ง่าย → Niacinamide, ลดรอยสิว → Vitamin C, กันสิวซ้ำ → Retinol เลือกให้ถูก ใช้ให้เป็น สิวยุบไวแน่นอน