วัยรุ่นต้องรู้ เกี่ยวกับวิธีการจัดการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วัยรุ่นต้องรู้ วันนี้เสนอกฎการเงิน 5 ข้อ ที่วัยรุ่นต้องรู้ค่ะ บทความนี้ เอาใจวัยรุ่นเป็นพิเศษเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังเรียนอยู่ เป็นนักศึกษา หรือแม้แต่คนที่จบมาใหม่ แต่อยากประสบความสำเร็จ ให้เหมือนคนอื่น ๆ
เพราะถ้าคุณเป็นวัยรุ่น สิ่งที่วัยรุ่นควรรู้ จะต้องมีอะไรบ้าง และข้อได้เปรียบ ในส่วนของอายุที่น้อยกว่านั้น เมื่อเทียบกับคน ที่อายุมากกว่า หรือคนที่ทำงานมานานสัก 10 – 20 ปี หรือใกล้เกษียณแล้ว
บรรไดสู่ความสำเร็จ…
ถือว่าวัยรุ่นในยุคปัจจุบันนี้ ได้เปรียบและได้โอกาส ในการสร้างตัวตนที่มั่นคงกว่า หรือสร้างผลงานที่โดดเด่นได้ไม่ยากเลยค่ะเพราะ สิ่งที่วัยรุ่นต้องการมากที่สุด หรือคนที่ทำงานแล้ว ต้องการเหมือน ๆ กันนั่นก็คือ ตัวช่วยในการสร้างความสำเร็จ และในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีตัวช่วยใหม่ ๆ ที่ออกมาเยอะแยะมากมาย ที่จะช่วยให้เราออมเงิน เก็บเงินเพื่อลงทุน ที่จะช่วยนำพาเรา ไปสู่ชีวิตที่มั่นคง ด้วยเทคนิคการเงินที่ต้องรู้
แต่ก่อนอื่น การเงินที่มั่นคง จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย! หรืออาจจะเกิดขึ้น แต่ช้ากว่าที่ได้วางแผน ถ้าพวกคุณพลาดกับบทความต่อไปนี้นั่นเองค่ะ
วัยรุ่นต้องรู้ กับกฎการเงินที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ ให้เกิดขึ้นกันดีกว่า
ถึงแม้เราจะมีตัวช่วยที่ดีแต่ วัยรุ่นต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ลงมือทำด้วยตนเอง ถึงจะดีที่สุด ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำของบุคคลตัวอย่าง จากคนที่อยู่ ในแวดวงการเงินหลายสิบปี ที่ได้ให้ข้อคิดเอาไว้กับ กฎการเงินข้อที่ 5
จงใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานของชีวิตตัวเองค่ะ หมายความว่า ยังไงปกติแล้วเนี่ย คนเราก็มักจะต้องใช้จ่ายตาม basic นี้นะคะ หรือว่าความจำเป็นพื้นฐาน อย่างเช่นปัจจัย 4 ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม หรือว่าที่อยู่อาศัยเป็นต้น
ซึ่ง 4 ข้อนี้นะคะ โดยปกติเนี่ย เราใช้ก็น่าจะเพียงพอ ต่อการที่จะดำรงชีพแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ มักจะใช้เกินกว่า basic นี้ค่ะ สมมตินะคะ ว่ามีเงิน 100 บาท เราอาจจะใช้จ่ายไปซัก 50 บาท
สำหรับ basic นี้ที่เรียกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่เรามักจะมีอีกหนึ่งส่วนค่ะ ที่ใช้จ่ายเกินกว่าความจำเป็นพื้นฐาน สิ่งเหล่านั้นเขาเรียกว่า เป็นค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มสถานะทางสังคม เช่นอาจจะเป็น การทานอาหารที่แพงขึ้น ที่ถือว่าเป็นการใช้จ่าย แบบเกินกำลัง หรือว่าเกินความจำเป็น ต่อพื้นฐานของเรา
แนะนำแนวทางสู่การต่อยอดการเงินที่ถูกวิธี
ดังนั้น : ถ้าพวกคุณยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ถ้าให้ดีนะคะ ควรจะตัดค่าใช้จ่าย ส่วนที่เพิ่มสถานะทางสังคมออกไป เพราะว่าส่วนนี้เอง ใช้จ่ายไปแล้วสิ้นเปลืองที่สุด ไม่ได้อะไรเป็นผลตอบแทนกลับมาอีกด้วย
ถ้าถามว่า เราตัดค่าใช้จ่าย ที่เกินจำเป็น เหล่านี้ออกไป เราควรเอาไปทำอะไรดี ควรนำเงินไปออมและลงทุน หรือ ให้เงินทำงานแทน เพราะว่าถ้าเราใช้จ่าย แค่เบสิคนี้ 50% ของรายได้
เราก็จะมีเงินส่วนที่เหลือนะคะ ไม่ว่าจะเป็น 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เราจะนำไปออมและลงทุน ต่อจากการที่เราแนะนำ เงินพวกนี้ไม่ควรนำไปซื้อของ ที่เกินความจำเป็น หรือว่าซื้อของ เพื่อเพิ่มสถานะทางสังคม นั่นเองค่ะ
กฎการเงินข้อที่ 4 มีคนกล่าวไว้นะคะว่าจริง ๆ แล้วเนี่ย คนที่มีสถานะทางการเงินที่ดี หรือว่าประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน ไม่ใช่คนที่หารายได้สูงเลยนะคะ แต่คนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกัน
คือเขาไม่ได้สนใจ สถานะทางสังคม เทียบเท่ากับคนที่อาจจะมีรายได้สูง แต่ก็แน่นอน เขาต้องพยายามที่จะปรับ และยกระดับ สถานภาพของตนเองให้สูงขึ้น ตามสังคมแวดล้อม ก็เลยทำให้สุดท้าย ไม่มีเงินเก็บ
ดังนั้นความมั่งคั่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถหารายได้ ได้มากแค่ไหนนะคะ แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถจำกัด ค่าใช้จ่ายของเรา ได้เท่าไหร่ต่างหาก
คำแนะนำ : สำหรับวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ในเรื่องของ สุขภาพทางการเงิน คืออย่าผูกสัมพันธ์ กับคนที่นิสัยการเงินต่างกันสุดขั้วค่ะ เราไม่ได้บอกนะคะ
ว่าคนใช้จ่ายเยอะจะดี หรือไม่ดีอย่างไร หรือควรใช้จ่ายน้อยจะดี หรือไม่ดีอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องพยายามหาคู่ชีวิตนะคะ หรือคนที่เราเนี่ยตั้งใจ ที่จะใช้ชีวิตด้วยในอนาคต ที่มีนิสัยการเงินคล้าย ๆ กันค่ะ
เพราะมีผลสำรวจ ที่ระบุชัดเจนเลยว่า ถ้าเป็นสามีภรรยากัน คนนึงใช้จ่ายเยอะมาก แต่อีกคนก็ใช้จ่ายเยอะมากเหมือนกัน สองคนนี้จะสามารถ ประคองรักให้ไปตลอดรอดฝั่งได้นะคะ แต่ตรงกันข้ามค่ะ
ถ้าคนนึงเป็นคนใช้จ่ายเยอะมาก แต่อีกคนนึง เป็นคนที่เก็บเงินอย่างเดียว ไม่ใช้จ่าย ถ้าสองคู่นี้อยู่กันไปนาน ๆ 2 คนนี้ ก็จะเข้าสู่ช่วงคู่ชีวิต ที่มีโอกาสพังทลายลงได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ พยายามผูกสัมพันธ์ กับคนที่มีลักษณะนิสัยการเงินคล้าย ๆ กัน เพราะว่าสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้หลายคู่ชีวิต ต้องหย่าร้าง ก็คือเรื่องของ การทะเลาะเรื่องการเงิน นั้นเองค่ะ
กฎการเงินข้อที่ 3 คือถ้ารู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่แย่ ก็อย่าไปเริ่มต้น เพื่อทำสิ่งนั้นค่ะ อย่างมหาเศรษฐี นักลงทุน คนดังคนนึงของโลก เขาเคยพูดไว้ค่ะ เขาบอกว่าถ้าเปรียบเทียบกันแล้วนะคะ
คนที่เคยผ่าตัดหัวใจ ไม่มีทางเลย ที่จะสุขภาพแข็งแรงไปกว่า คนที่ไม่เคยเข้ารับการผ่าตัด เปรียบเทียบได้กับ เรื่องของการเงินค่ะ ก็คือไม่ว่าคุณจะมีหนี้ มากน้อยแค่ไหน ไม่มีทางเลย
ที่คุณอยากจะปลดหนี้ ได้เร็วไปกว่า คนที่ไม่เคยก่อหนี้ เรื่องนี้กำลังจะบอกเรานะคะ ว่าถ้ารู้ว่าอะไรแย่ อะไรไม่ดี ก็อย่าไปเริ่มต้นทำ อย่างเช่น เรื่องของการก่อหนี้เป็นต้นนะคะ โดยเฉพาะหนี้ ที่เกิดจากการอุปโภคบริโภค หรือหนี้ที่เกิดจาก การเพิ่มสถานะทางสังคม ให้กับตัวเอง อยากขอเตือนนะคะ ข้อนี่เด็ดขาดเลยค่ะ
คำแนะนำ : หลายคนนะคะ ที่เลื่อนเวลารวยมานานเหลือเกินค่ะ กว่าจะคิดได้ ว่าควรจะเริ่มให้เงินทำงาน เริ่มสะสมความมั่งคั่ง ก็อาจจะช้าไปซะแล้ว เพราะการตัดสินใจ ครั้งสำคัญหลายครั้ง อาจจะไม่ได้มีความหมาย เท่ากับคุณหลีกเลี่ยง การตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ แค่ครั้งเดียวค่ะ
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ เพราะรู้แล้วว่าอะไรไม่ดี อะไรไม่ควรทำ อะไรไม่ควรเป็น อะไรไม่ควรก่อน โดยเฉพาะเรื่องของหนี้ พยายามอย่าทำสิ่งนั้นตั้งแต่ต้นเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นวงจร ที่ติดตัวเราไป ในระยะยาวทีเดียว
กฎการเงินข้อที่ 4 ที่คนรุ่นใหม่ควรทำนะคะ ก็คือใช้ประโยชน์จาก 2 สิ่งนี้ค่ะ
- คือพยายาม สร้างสถานะ ทางสังคมของตัวเอง เพราะอย่างที่บอกตั้งแต่ต้น สถานะทางสังคมต่าง ก็ทำให้เราเนี่ย สามารถมีเงินเก็บออม แล้วก็ลงทุนสร้างความมั่งคั่ง ในอนาคตได้
- คือพยายามใช้ สถานที่สาธารณะ ที่สร้างประสิทธิภาพ ให้กับตัวเราเองค่ะ อย่างเช่นที่ยกตัวอย่างก็คือ ห้องสมุดสาธารณะ ในนั้นมีหนังสือเยอะแยะมากมาย
ที่สามารถเติมความรู้ เติมเต็มศักยภาพ เสริมประสิทธิภาพ ในการทำงานให้กับตัวเราเองได้ หรือในโลกปัจจุบันก็คือ โลกออนไลน์ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็น YouTube Facebook หรือมาตามเว็บไซต์ต่าง ๆ
ซึ่งจะช่วยให้เรา สามารถยกระดับความรู้ และความเข้าใจ ในด้านของการบริหารเงิน แล้วก็การใช้ชีวิตได้ แบบไม่ต้องเสียสตางค์ ด้วยค่ะ
และข้อสุดท้าย ที่เป็นหัวใจของการเงินที่มีประสิทธิภาพ
กฎการเงินข้อที่ 5 ข้อสุดท้าย ก็คือ จงเลือกงาน ที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ หรือว่าความหลงใหลของตัวเอง แต่ตอบโจทย์ เรื่องของรายได้ที่เหมาะสมค่ะ อาจจะค่อนข้าง ส่วนทางนะคะ กับบรรดากฎการเงินข้ออื่น ๆ
ที่แนะนำว่า ให้เราตามหาแฟชั่นค่ะ อย่าลืมนะคะ ว่าคนที่มักจะชวนให้เรา ตามหาแฟชั่นส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่ ประสบความสำเร็จในด้านของการเงินแล้ว ก็คือเขาเป็นคนรวยแล้วนั่นเอง
เขาถึงชวนให้ทุกคน ทำตามแฟชั่นของตัวเองได้ แต่ในความเป็นจริง ถ้าทุกคนเนี่ย ไม่สามารถเป็นทุกอย่าง ตามที่ตัวเองต้องการได้ แต่เราสามารถ จะเป็นอะไรก็ได้ ในสิ่งที่เราทำได้ดีแล้ว ก็ยังมีคนจ่ายเงินค่าจ้างให้กับเรา ในการทำสิ่งนั้นค่ะ เพราะว่าสังคมในปัจจุบันนะคะ
ถ้าเราอยากจะเลี้ยงชีพ ให้ปากท้องของเราเนี่ย สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ก็จำเป็นที่ต้องมีรายได้เข้ามาจุนเจือนะคะ การขายความฝัน หรือว่าตั้งใจเดินหน้า เพื่อทำตาม passion เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เป้าหมาย ในการดำรงชีพก็ได้นะคะ
สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้คือ อาชีพกับ passion เป็นคนละเรื่องกันนะคะ อาชีพที่อาจจะทำให้เรา สามารถที่จะมีรายได้ มาจ่ายบิลต่าง ๆ ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่ารถค่าบ้านเป็นต้นนะคะ แล้วก็ทำให้เรา สามารถส่งลูกเรียนหนังสือได้ ทำให้เราเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้นะคะ
แล้วก็ทำให้ตัวเราเองด้วย ที่จะสามารถเติบโต ไปตามสเต็ปของชีวิต และนอกเหนือจากนั้นนะคะ สิ่งเหล่านี้เอง อาชีพเหล่านี้เอง จะทำให้เราสามารถ มีเงินออมเงินเก็บก้อนหนึ่ง เพื่อตามหาแฟชั่นในอนาคตได้ค่ะ